Posted in Home Room

จำนวนเด็กโฮมสคูลในประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตถึงปัจจุบัน

#จำนวนเด็กโฮมสคูลในประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตถึงปัจจุบัน

homeschooler in us

สมัยก่อน การจัดการสอนแบบบ้านเรียนยังไม่เป็นที่แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับมากนัก จากสถิติตัวเลขของ สำนักงานสถิติการศึกษาแห่งชาติ ในปี 2003 รายงานว่า มีเด็กบ้านเรียนจำนวน 1.1 ล้านคน คิดเป็น 2.2 เปอร์เซ็นต์ ของเด็กที่มีอายุเกณฑ์เข้าเรียนทั้งหมด ในขณะที่ กรมสำรวจสำมะโนประชากรของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แจ้งว่ามีเด็กบ้านเรียนในปีเดียวกันนั้นถึง 2 ล้านคน ด้วยตัวเลขที่เติบโตขึ้นปีละ 15 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี นายเคิร์ด โบแมน เจ้าหน้าที่ของกรมสำรวจสำมะโนประชากรได้กล่าวว่า “สถิติตัวเลขของเด็กที่เรียนที่บ้าน ค่อนข้างจะเก็บข้อมูลยาก ขึ้นอยู่กับวิธีการเก้บข้อมูลของแต่ละรัฐ และไม่สามารถบอกถึงจำนวนที่เติบโตขึ้นเร็วมากไปจนถึงปี 1990 ซึ่งการจัดการเรียนเองที่บ้านเป็นทางเลือกสำรองของครอบครัวจำนวนหนึ่งที่ไม่คิดจะส่งลูกเข้าโรงเรียนในระบบ” อย่างไรก็ตาม ในปี 2012 มีจำนวนเด็กบ้านเรียนประมาณ 1.5 ล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกา

ในปี 2013 เด็กอายุระหว่าง 5-17 (รวมทุกรัฐ) จำนวน 54,753,967 แบ่งเป็นเด็กบ้านเรียน จำนวน 1,533,778 คน
ที่รัฐ California มากที่สุด มี 182,978 คน จาก 6,757,361 คน
รองลงมา รัฐ Texas มี 138,608 คน จาก 5,118,771 คน
น้อยสุดคือ รัฐ Connecticut 1,792 คน จาก 600,823 คน

หากเรามัวแต่สนใจสถิติตัวเลขว่ามีจำนวนเด็กบ้านเรียนเท่าไหร่ อาจทำให้เราลืมนึกถึงเรื่องหลักสูตรการเรียนที่ต้องใช้สอน ซึ่งมันสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด คาดการณ์ว่าแนวโน้มการเจริญเติบโตของจำนวนเด็กบ้านเรียน จะยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ในขณะที่บางครอบครัวอาจไม่แน่ใจว่า ระบบการเรียนเองที่บ้านจะสู้กับ ระบบการเรียนในโรงเรียนได้อย่างไร เพราะสังคมให้การยอมรับเรื่องการศึกษาในระบบ ถ้าลูกได้เข้าโรงเรียนในระบบ ลูกจะได้เข้าทีมเบสบอล และได้ฝึกทำ พายแอปเปิ้ล และถ้าลูกไม่ได้เรียนในโรงเรียน ลูกจะไม่มีการบ้าน ไม่มีใบเกรด ไม่มีกีฬา ซึ่งหมายถึงจะไม่มีหัวข้อไปสนทนากับผู้ปกครองคนอื่นๆ

ที่รัฐ Wisconsin ได้มีพ่อแม่ยื่นเรื่องขอจัดการเรียนเองที่บ้าน ในตอนแรกเริ่ม ปี 1989-1990 มีจำนวนเด็กบ้านเรียน 0.57 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเด็กที่มีอายุเกณฑ์เข้าเรียน ต่อมาในปี 1999-2000 จำนวนเด็กบ้านเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 1.90 เปอร์เซ็นต์ และตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึง 2.04 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2002-2003 และจำนวนลดลงมาเหลือ 1.97 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2005-2006 ด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำนวนเด็กบ้านเรียนเริ่มลดลง อาจเป็นเพราะครอบครัวมีลูกน้อยลง และบางครอบครัวตัดสินใจไม่มีลูก ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ในอนาคตแนวโน้มที่ผู้ปกครองไม่สามารถส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชน อาจจะหันมาจัดการศึกษาเองที่บ้าน

นั่นเป็นเพราะว่า พ่อแม่บางคนที่มีการศึกษาสูง และพ่อแม่ยุคใหม่ ได้เริ่มหันมาสนใจจัดการเรียนการสอนเองด้วยความเชื่อมั่นว่า การจัดหลักสูตรเองได้ประสิทธิภาพดีเทียบเท่ากับหลักสูตรในโรงเรียน ที่โรงเรียนสอนอะไร เราก็สอนแบบนั้น ที่โรงเรียนใช้หนังสืออะไร เราก็ใช้แบบนั้น เวลาลูกต้องสอบแข่งกับใคร ลูกเรามีความรู้แบบเดียวกับเด็กที่เรียนจากโรงเรียน แต่ข้อดีของการจัดการสอนเองที่บ้านมีมากกว่านั้น ซึ่งดิฉันจะได้กล่าวในบทความต่อไป

โฮมสคูลไม่ใช่ใครทุกคนก็ทำได้ ผู้ปกครองต้องเข้าใจและเคร่งครัดในการจัดการสอนให้สำเร็จ ซึ่งหมายถึงต้องอุทิศเวลาและต้องสร้างสรรค์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูกคุณ แต่คุณจะได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จแน่นอน ดิฉันรู้สึกขอบคุณพระองค์ทุกๆวัน ที่ให้ดิฉันได้มีความอดทนในการจัดการเรียนให้ลูกๆ และอดทนในการจัดระเบียบวินัยให้ลูกได้ทำตามตารางเรียนอย่างเคร่งครัด ได้ฝึกให้ลูกๆ รู้จักรับผิดชอบและแบ่งเวลาเรียน เล่น กิจกรรม งานช่วยเหลือสังคม มันยากในช่วงแรกๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ คุ้มค่ากับการรอคอยค่ะ

#Dekhomeschool

https://www.oknation.net/blog/dekhomeschool

https://www.instagram.com/homeschool_dekhomeschool/

https://tgihomeschool.wordpress.com/

 

Author:

https://facebook.com/Dekhomeschool https://twitter.com/DekHomeschool

Leave a comment